สตาร์ วอร์ส (อังกฤษ: Star Wars) เป็นภาพยนตร์ชุดแนว มหากาพย์ ละครอวกาศ สร้างโดย จอร์จ ลูคัส นอกจากนี้ยังมีสื่อต่างๆที่นอกเหนือจากภาพยนตร์ เรียกว่า จักรวาลขยาย ได้แก่ หนังสือ ละครโทรทัศน์ วิดีโอเกมและหนังสือการ์ตูน
ภาพยนตร์ชุดแรกออกฉายเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1977 ในชื่อ สตาร์ วอร์ส โดย 20th Century Fox ได้รับความนิยมสูงทั่วโลก จนเกิดเป็นปรากฏการณ์ จนมีการสร้างภาคต่ออีก 2 ภาค โดยเว้นระยะห่างแต่ละภาคเป็นเวลา 3 ปี
16 ปี ต่อมาหลังฉายไตรภาคเดิม ก็ได้มีการฉายไตรภาคต้น โดยเว้นระยะห่างแต่ละภาคเป็นเวลา 3 ปี เช่นกัน โดยภาคสุดท้ายฉายเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2005 ในเดือนตุลาคมปี ค.ศ. 2012 บริษัท เดอะวอลต์ดิสนีย์ ได้ทำการซื้อบริษัท ลูคัสฟิล์ม เป็นจำนวนเงิน $4.05 พันล้าน และประกาศสร้างไตรภาคใหม่ของสตาร์ วอร์ส โดยภาคแรก Star Wars Episode VII, กำหนดฉายในปี ค.ศ. 2015[1] อย่างไรก็ดีค่าย 20th Century Fox ยังคงได้สิทธิ์ได้การจำหน่ายภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส ทั้งสองไตรภาคอยู่ โดยเฉพาะภาค สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 4: ความหวังใหม่ นั้น 20th Century Fox จะเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว ส่วน ภาค 1-3, 5 และ 6 นั้นจะหมดสัญญาภายใน พฤษภาคม ค.ศ. 2020
ฉากหลัง
เรื่องชุดสตาร์ วอร์สดำเนินเรื่องในจักรวาลสมมติ มีมนุษย์ต่างดาวหลายเผ่าพันธุ์ (ส่วนใหญ่มีลักษณะคล้ายมนุษย์) มีหุ่นยนต์รับใช้พบได้ทั่วไป การเดินทางในอวกาศเป็นเรื่องธรรมดา ดาวเคราะห์หลายดวงในกาแลกซีเป็นส่วนหนึ่งขององค์การปกครองเดียวกัน อาจเป็นสาธารณรัฐหรือจักรวรรดิตามแต่ช่วงเวลาของท้องเรื่อง
ส่วนหนึ่งที่สำคัญของสตาร์ วอร์สคือ "พลัง" (อังกฤษ: force) ซึ่งเป็นพลังงานเหนือธรรมชาติอย่างหนึ่งที่สามารถเรียกใช้ได้โดยผู้มีความสามารถพิเศษ ภาพยนตร์เรื่องแรกสุดได้อธิบายพลังไว้ว่าเป็น "สนามพลังที่สร้างขึ้นโดยสิ่งมีชีวิตรอบๆ ตัว มันล้อมรอบเรา แทรกซึมเข้ามาในตัวเรา ผูกมัดกาแลกซีทั้งกาแลกซีไว้ด้วยกัน"[3] การมีพลังนี้ทำให้ผู้ที่สามารถใช้พลังได้มีความสามารถเหนือธรรมชาติหลายอย่าง (เช่น พลังเคลื่อนย้าย การทำนายอนาคต การควบคุมจิตใจ) รวมทั้งการเพิ่มความสามารถทางกาย เพิ่มความเร็ว เพิ่มปฏิกิริยาโต้ตอบ ความสามารถเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปในผู้ใช้แต่ละคนและสามารถพัฒนาได้ด้วยการฝึกฝน แม้พลังจะสามารถใช้ได้ในทางที่ดีแต่ก็มีด้านมืดที่หากถูกชักจูงด้วยความเกลียด ความโกรธ ความคิดมุ่งร้าย ภาพยนตร์ทั้งหกเรื่องแสดงให้เห็นถึงเจไดซึ่งเป็นผู้ที่ใช้พลังในทางที่ดี และเหล่าซิธที่ใช้พลังในทางชั่วร้ายและพยายามยึดครองกาแลกซี เนื้อหาแต่งเสริมหลายเรื่องแสดงให้เห็นว่ามีผู้ใช้พลังด้านมืดหลายคนที่เป็นเจไดมืดแต่ไม่ใช่ซิธ ส่วนใหญ่เนื่องมาจากกฎแห่งสองของซิธในยุคที่แสดงให้เห็นในภาพยนตร์
ภาพยนตร์
ภาพยนตร์ชุดสตาร์ วอร์ส เริ่มต้นด้วย สตาร์วอร์ส (Star Wars) ฉายเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1977 ตามด้วยภาคต่ออีก 2 ภาคคือ สตาร์วอร์ส 2 (The Empire Strikes Back)ฉายเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1980 และ สตาร์วอร์ส 3 ชัยชนะของเจได (Return of the Jedi) ฉายเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1983
สองทศวรรษหลังไตรภาคดั้งเดิมออกฉาย ก็ได้มีการสร้างภาพยนตร์ต่อ โดยสร้างเป็นไตรภาคก่อน 3 ภาค ประกอบด้วย สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 1: ภัยซ่อนเร้น (Star Wars Episode I: The Phantom Menace) ฉายเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1999, สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 2: กองทัพโคลนส์จู่โจม (Star Wars Episode II: Attack of the Clones) ฉายเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2002 และ สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3: ซิธชำระแค้น (Star Wars Episode III: Revenge of the Sith) ฉายเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2005[9]
ต่อมาได้มีการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชันชื่อ สตาร์ วอร์ส: สงครามโคลน (Star Wars: The Clone Wars) ฉายเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 2008 โดยเป็นการปูเนื้อเรื่องเข้าสู่ สตาร์ วอร์ส: เดอะ โคลน วอร์ส
และภาพยนตร์ไตรภาคต่อชื่อ สตาร์ วอร์ส: อุบัติการณ์แห่งพลัง (Star Wars: The Force Awakens) มีกำหนดฉายวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 2015
เนื้อเรื่อง
เนื้อหาในภาพยนตร์ไตรภาคเดิม (เอพพิโซด 4, 5 และ 6) เกี่ยวข้องกับสงครามกลางเมืองกาแลกติกที่มีขึ้นระหว่างพันธมิตรฝ่ายกบฏ กับฝ่ายจักรวรรดิ เป็นการต่อสู้ระหว่างความดีกับความชั่ว ลุค สกายวอล์คเกอร์ หนุ่มน้อยผู้ซึ่งกำลังฝึกฝนเพื่อการเป็นอัศวินเจไดคนสุดท้าย (และคนแรกในเจไดรุ่นใหม่) อาจเป็นผู้เดียวที่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับดาร์ธ เวเดอร์ ลอร์ดมืดแห่งซิธ และจักรพรรดิ ดาร์ธ ซิเดียส อาจารย์ของเขา
ภาพยนตร์ไตรภาคก่อน (เอพพิโซด 1, 2, และ 3) กล่าวถึงเหตุการณ์ที่นำไปสู่สงครามกลางกาแล็กซี การล่มสลายของสาธารณรัฐ และความรุ่งเรืองของฝ่ายจักรวรรดิ จากยุทธการนาบูระหว่างนาบูกับสมาพันธ์การค้า ไปจนถึงสงครามโคลนที่มีต่อฝ่ายแบ่งแยกดินแดน สงครามทั้งสองดำเนินไปตามประสงค์ของซิธ ภายใต้พัลพาทีน ผู้ลึกลับ ซึ่งคอยควบคุมทั้งสองฝ่ายอย่างลับ ๆ ภาพยนตร์ไตรภาคย้อนอดีตนี้เกิดขึ้นพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ซึ่งได้รับการฝึกฝนเป็นเจไดหลังจากสงครามนาบู แต่ในเอพพิโซด 3 อนาคินค่อยๆ ถูกกลืนเข้าสู่อำนาจมืดของพลัง จนกลายเป็นดาร์ธ เวเดอร์ ภายใต้การชี้นำของพัลพาทีน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น